วังน้ำเขียวเตรียมจัดงานเบญจมาศบานในม่านหมอกบูมท่องเที่ยวคาดเงินสะพัด 30 ล.

อำเภอวังน้ำเขียวโคราช จัดงานเบญจมาศบานในม่านหมอก ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 10 ถึง 19 กุมภาพันธ์ 2555 ชมความงามของดอกเบญจมาศกว่า 30 ชนิด บนเนื้อที่ 40 ไร่ ประธานชมรมท่องเที่ยวเผยเงินสะพัดกว่า 20 ถึง 30 ล้านบาท
นายจงกล สระเจริญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียวฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ อบต.และเกษตรกรผู้ปลูกต้นเบญจมาศทำการปรับแต่งเพื่อเตรียมงานดอกเบญจมาศบานในม่านหมอกครั้งที่ 10 ประจำปี 2555 โดยวันจัดงานขึ้นในระหว่างวันที่ 10 - 19 กุมภาพันธ์ 2555 เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของ อ.วังน้ำเขียว และกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นรายได้เป็นกอบเป็นกำของพี่น้องเกษตรกรและชาวบ้าน โดยสถานที่ที่ใช้จัดงานยังคงเป็นพื้นที่ที่อยู่บริเวณโดยรอบที่ทำการ อบต. บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ มีการจัดเตรียมแปลงปลูกดอกเบญจมาศกว่า 100 แปลง ปลูกดอกเบญจมาศมากกว่า 30 ชนิด แบ่งส่วนของการจัดงานออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ส่วนแสดงสวนดอกเบญจมาศที่มีการนำดอกเบญจมาศกว่า 30 ชนิด มาปลูกไว้บนแปลงกว่า 100 แปลง ส่วนที่ 2 ส่วนแสดงแปลงสาธิตการปลูกพืชผักไร้สารพิษ ส่วนที่ 3 ส่วนแสดงการจัดตกแต่งสวนหย่อม และส่วนที่ 4 ส่วนจัดแสดงจำหน่ายสินค้าโอทอปได้ มีการจำหน่ายดอกเบญจมาศในราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท
ซึ่งในปีนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี ได้มีการปรับเปลี่ยนในการปลูกดอกเบญจมาศโดยการเลื่อนระยะเวลาในการปลูกให้มีระยะช่วงเวลาที่ห่างกันเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมดอกเบญจมาศสามารถเที่ยวชมดอกเบญจมาศที่เบ่งบานได้ตอลดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 044-228238
นายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กล่าวว่า งานดอกเบญจมาศบานในม่านหมอกจัดเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องและเป็นงานเสริมสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นเรื่องการปลูกไม้ดอกเบญจมาศและการกระจายรายได้ของนักท่องเที่ยวที่มาใช้จ่ายซื้อสินค้าของฝาก มาพัก และทานอาหาร ถือว่าเป็นงานสำหรับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่เป็นงานที่ดีมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยวได้ในช่วง 2 สัปดาห์ วันหยุดสุดสัปดาห์ 2 เสาร์ 2 อาทิตย์ สำหรับการปลูกดอกเบญจมาศต้องใช้ผู้ที่มีความรู้อย่างแท้จริง การเสริมสร้างทักษะอาชีพด้านนี้ยังไม่แพร่หลาย ซึ่งการปลูกก็เพียงปลูกอยู่ในกลุ่มเล็กๆ ของ อ.วังน้ำเขียวฯ แต่สามารถสร้างมูลค่าให้กับพี่น้องเกษตรกรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่ที่จะมาเที่ยวชมจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยมากันเป็นครอบครัว และมาทัศนะศึกษา สำหรับอานิสงส์ของการจัดงานที่เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เด่นชัดคือพี่น้องเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรงได้ แม้แต่สินค้าที่แปรรูปทางการเกษตร เช่น เห็ด , แหนมเห็ด 3 ชนิด , ผักสดปลอดสารพิษ , พุทธาน้ำนม, พุทธาสด , น้ำองุ่น , องุ่นสดไร้เม็ด เป็นต้น เป็นการสร้างมูลค่าให้กับพี่น้องเกษตรกรได้อย่างสูงและเป็นที่นิยมและน่าพอใจเป็นอย่างมาก
ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย และชาวต่างชาติมาท่องเที่ยว มาชมงานเบญจมาศบานในม่านหมอกของชาว อ.วังน้ำเขียวที่ร่วมกันจัดขึ้น วันที่ 10 – 19 กุมภาพันธ์ 2555 เพื่อมาสัมผัสอากาศที่เป็นเสมือนสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย และร่วมกันหาของฝากผลิตภัณฑ์และดุวิถีชีวิตของพี่น้องชาว อ.วังน้ำเขียวที่อยู่อย่างรักษาสิ่งแวดล้อมที่อยู่กันอย่างสงบ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้ส่งเสริมสนับสนุนการเกษตรและส่งเสริมด้านการดูงานมันจะทำให้ อ.วังน้ำเขียวเป็นที่รู้จักของคนไทยและคนต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ส่วนปัญหาอุปสรรคที่เป็นห่วงกันมาก ผมมองว่า เรื่องการจัดผังเมือง ที่เราอยากให้มีผังเมืองเกิดขึ้นสำเร็จในช่วงที่เราเกิดวิกฤติ ซึ่งมันจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการพัฒนา อ.วังน้ำเขียวว่า เราจะไปทางไหนและสิ่งแวดล้อมด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ จะอยู่กันอย่างไร จะมีความชัดเจนและจะเป็นเกราะป้องกันให้พวกเราอยู่กันได้อย่างมีความสุขและอย่างสงบ “
นายพงษ์เทพฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจ อ.วังน้ำเขียวตลอดปี 2555 จะกลับมาบูมอีกมากมาย เนื่องจากที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำสุด และตนเชื่อว่าปัญหาเรื่องที่ทำกินจะคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้วปลายปี 2555 อ.วังน้ำเขียวจะได้รับความนิยมอีกครั้งของคนไทย และถ้าปีนี้ไม่นับวิกฤติน้ำท่วม ตนว่าเงินสะพัดแน่นอนกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป และเชื่อว่าจะเป็นแหล่งที่น่าอยู่อาศัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่สำหรับช่วงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 มาสิงหาคม – กันยายน และในช่วงวิกฤติอุทกภัยเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2554 ราคาที่พักลดลงต่ำกว่า 60% อ.วังน้ำเขียวสูญเสียรายได้นับพันล้านบาท โดยเฉพาะราคาบ้าน 6-7 ล้านบาท ที่มีการประกาศขายลดลงเหลือ 2 ล้านบาท แถมสามารถผ่อนชำระได้ด้วย บางแห่งมีประกาศขาย 7 หลัง แต่ก็ไม่มีใครที่จะซื้อ เพราะไม่กล้า และประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นยังคาราคาซัง ไม่รู้จะจบอย่างไร หรือหาทางออกได้อย่างไร นายพงษ์เทพฯกล่าว
ความคิดเห็น ( จำนวนโพส):
โพสแสดงความเห็นของคุณ