ป.ป.ท.ประสานหน่วยงานสอบงบ 185 ล้าน 54 โรงเรียนในโคราช

ป.ป.ท.เผยปูดอีก โรงเรียนในโคราช จาก 50 เป็น 54 โรง งบก่อสร้างสนามฟุตซอล ทะลุ 185 ล้าน เตรียมประสาน สตง. ปปง.และ DSI ร่วมตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวโคราชฟอรั่มออนไลน์ รายงานความคืบหน้า เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในแต่ละภาคที่ได้มีการจัดทีม เข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล ที่ได้รับงบประมาณแปรญัตติ พ.ศ.2555 ที่ผ่านมา แล้วได้มีการร้องเรียนไปยัง คณะทำงานด้านกฎหมาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 และคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติโดยพบว่ามีทั้งสิ้น 17 จังหวัดที่ได้รับงบประมาณแปรญัตติ เป็นงบประมาณกว่า 589 ล้านบาท  แต่กับพบว่าโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลบนั้นไม่ได้มาตรฐานอีกทั้งมีราคาที่ แพงเกินจริง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

หนึ่ง ในคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบโครงการสร้างสนามฟุตซอล ล่าสุด ทาง ป.ป.ท.ในแต่ละภาคไดมีการจัดทีมเจ้าหน้าที่ ออกตรวจสอบทางกายภาพ และเอกสารต่างที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัญหาที่พบ ส่วนใหญ่คือทางเขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีการนำเอกสารที่แสดงว่าโรงเรียนนั้นๆ ได้รับงบประมาณแปรญัตติ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่ามีหลายโรงเรียนที่ได้รับงบประมาณแปรญัตติ ไป ดังนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประสานไปยัง เขตพื้นที่การศึกษาที่รับผิดชอบเพื่อขอรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับงบไป เพื่อทำการลงพื้นที่ตรวจสอบ อย่างเช่นที่จังหวัดนครราชสีมา จากเดินที่มีการแจ้งไว้ เพียง 50 โรงเรียน ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 175 ล้านบาท ล่าสุด พบว่ามีโรงเรียนที่ได้รับงบประมาณไปทั้งสิ้น 54 โรงเรียน เป็นจำนวนเงินกว่า 185 ล้านบาท

ทั้ง นี้ทาง ป.ป.ท.ได้มีการประสานไปยัง เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 7 เขต ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ให้มีการส่งรายชื่อโรงเรียนในพื้นที่ทั้งหมด และโรงเรียนที่ได้รับงบทั้งหมด เข้ามายัง ป.ป.ท. เพื่อทำการตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบให้ทราบว่าในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา นั้นมีกี่โรงเรียนที่ได้รับงบ และเป็นงบประมาณจำนวนเท่าใด ส่วนอีก 11 โรงเรียนที่ทาง ป.ป.ท.จะทำการลงพื้นตรวจสอบนั้น ขณะที่ ทาง ป.ป.ท.ได้เอกสารจากโรงเรียนทั้ง 11 แห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการลงพื้นที่อีก 11 โรงเรียน จึงยังเลื่อนไปยังไม่กำหนด เนื่องจากจะต้องทำการรวบรวมเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างที่ได้มา ทำการตรวจสอบรวบแบบการดำเนินการ

แต่ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดนคราชสีมา นั้นมีรูปแบบในการดำเนินการที่เป็นลักษณะเดียวกันทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้สงสัยและมีข้อสังเกตในการทุจริต ทั้งนี้ก็จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปผลการตรวจสอบ ซึ่งอาจจะต้องมีการจำแนกคณะครูที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวนั้นมา ทำการสอบสวนเพื่อเติม ก่อนที่จะประสานไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟองเงิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ในการร่วมดำเนินการตรวจสอบกับโครงการดังกล่าว