จี้รัฐจัดการนักโทษชายทักษิณหวั่นเกิดสงครามกลางเมือง

กลุ่มองค์กรภาคประชาชนนำโดยภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย, เครือข่ายพันธมิตรโคราช นำมวลชนให้กำลังใจองคมตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ออกแถลงการณ์พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึก
ปรากฏการณ์คนเสื้อแดง บุกยึดหน้าทำเนียบรัฐบาล และตั้งเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2552 พร้อมเกิดการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรี พตท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปราศรัยโฟนอินพร้อมทั้งผ่านวิดีโอลิงค์มายังเวทีของผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกวัน ประเด็นสำคัญคือ การกล่าวพาดพิงประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ สถาบันทางการทหาร ยุยงให้กลุ่มเสื้อแดงที่อยู่ในส่วนภูมิภาคให้ไปทำการปิดล้อมศาลากลางจังหวัดหลายจังหวัด โดยหวังเพียงผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง
จึงเป็นเหตุให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรภาคประชาชน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวโคราชฟอรั่มออนไลน์รายงานว่า กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรโคราช, ชมรมชาวโคราชรักป๋าเปรม, นำโดย ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี แกนนำกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตยและเลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน พร้อมด้วยนายสาธร สินปุร สหภาพสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยสาขานครราชสีมา และ ผศ.ดร.สามารถ จับโจร ประธานโปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฎ(มรภ.)นครราชสีมา นัดหมายมวลชนแนวร่วมรวมตัวกันที่สถานีวิทยุชุมชนเสียงกรรมกรความถี่ 92.00 MHz ที่ทำการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทยสาขา จ.นครราชสีมา เพื่อเดินทางไปให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณณสูลานนท์ ที่บ้านไร้กังวล เลขที่ 1885 ถนนสืบศิริ ตรงข้ามกองบัญชาการช่วยรบที่ 2(บชร.2) กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี
แต่เมื่อริ้วขบวนเดินทางมาถึงสามแยกสำนักงานชลประทานที่ 8 ถนนสืบสิริ พ.ต.อ.พนันชัย ชื่นใจธรรม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 นาย ตั้งแผงเหล็กกั้นบริเวณสามแยกสำนักงานชลประทานฯ ไม่ให้ผู้ชุมนุมผ่าน กลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 100 คน จึงยืนส่งเสียงให้กำลังใจ พร้อมชูป้ายข้อความต่างๆ อาทิ “ชาวโคราชรักป๋าเปรม, ลูกป๋าที่มีชีวิตอยู่ ออกมาสู้เพื่อป๋าได้แล้ว”
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมไปรวมตัวกันที่บริเวณหน้าวัดบูรพ์ ถนนมหาดไทย ต.ในเมือง โดย ทพ.ศุภผลฯ แกนนำภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย ได้ประกาศเชิญชวนให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา ออกมาปกป้องสถาบันสูงสุด สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ และปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โดยร่วมกันเดินเท้าไปตามถนนจอมพลเลี้ยวซ้ายเข้าถนนประจักษ์ถนนสรรพสิทธิ์มุ่งหน้าไปยังสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อไปยื่นจดหมายเปิดผนึกทวงถามการทำหน้าที่ของตำรวจ ต่อ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(ผบช.ภ.3)
เมื่อมาถึงสำนักงานตำรวจภูธรภาค3แกนนำฯได้อ่านแถลงการณ์สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยฉบับที่ 2/2552เรื่องให้รับผิดชอบในการรักษารัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ด้วยปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือแกนนำและผู้บงการ นปช. ตัวจริง ซึ่งแกนนำได้ประกาศต่อสาธารณะว่าจะทำศึกแตกหักกับรัฐบาล จะล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย ซึ่งหมายถึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประกาศล้างประเทศ ซึ่งหมายถึงการล้มล้างทุกสถาบันอันเป็นหลักปกครองบ้านเมืองของราชอาณาจักรไทย
ทั้งได้ทำการปลุกระดมยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมายหลายประการ เช่น ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ทำร้ายประชาชน ปิดกั้นการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรี และบุกรุกปิดล้อมศาลากลางจังหวัดบางจังหวัด รวมทั้งการข่มขู่คุกคามข้าราชการและประชาชน อันเป็นปฏิบัติการที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญและไม่ใช่การชุมนุมในระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป ประจักษ์ชัดถึงการดำเนินการเพื่อล้มล้างการปกครองแผ่นดิน การเช่นนี้ ได้แสดงให้ประชาชน ทั่วประเทศเห็นแล้วว่า การกระทำของทักษิณกับพวก เป็นภัยร้ายแรงต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัติย์ เป็นประมุข หาใช่เป็นเพียงการต่อสู้ทางการเมืองที่ต้องอาศัยการเมืองแก้ไขเท่านั้น
แต่ปรากฏว่าทั้งรัฐบาล กองทัพ และตำรวจ ได้เพิกเฉยละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ และดูแลความปลอดภัยในร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยได้พิจารณาสถานการณ์แล้วเห็นว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงถึงขั้นสงครามกลางเมือง ดังที่แกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศไว้ อันเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงของประเทศชาติและส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติ
ดังนั้นสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยจึงมีมติเรียกร้องให้รัฐบาล กองทัพ และตำรวจ รับผิดชอบและปฏิบัติหน้าที่ตามที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนประเทศชาติ กวาดล้างอริราชศัตรูตามกฎหมาย และหยุดยั้งการกระทำผิดกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก อย่างเด็ดขาดในทันที
มิเช่นนั้นแล้ว การกระทำของทักษิณและพวก จักนำไปสู่การล้มล้างระบอบการปกครองในเวลานี้ จนถึงขั้นล้มล้างสถาบันหลักสำคัญอีกหลายสถาบันในประเทศ ซึ่งไม่แตกต่างไปจาก แดงคอมมิวนิสต์ ที่ประกาศล้างระบอบการปกครองในอดีต ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้มล้างระบอบยุติธรรมและศาล อันตรงกับคำประกาศของ แกนนำ นปช. บนเวทีว่า “ จะล้างประเทศใหม่”
สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยเรียกร้องให้บรรดาสมาชิกทั่วประเทศและทั่วโลกในฝั่งโพ้นทะเล โปรดสามัคคีกัน ร่วมกับพลังมวลมหาประชาชน ที่รักชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้พี่น้องประชาชน จงเตรียมความพร้อมในระดับสูง ในการป้องกันตนเองและในการเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับพลังรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกเมื่อ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.






ประเด็นสำคัญคือ การกล่าวพาดพิงประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ สถาบันทางการทหาร ยุยงให้กลุ่มเสื้อแดงที่อยู่ในส่วนภูมิภาคให้ไปทำการปิดล้อมศาลากลางจังหวัดหลายจังหวัด โดยหวังเพียงผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง ก่อปัญหาให้คนไทยแยกเป็นฝักฝ่าย ยุยงให้คนไทยด้วยกันเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง อันอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้โดยง่าย โดยอดีตนายกทักษิณหวังที่จะกลับมามีอำนาจเพื่อให้ตนเองพ้นผิดจากคดีอาญา และพ้นผิดจากคดีทุจริตคอรัปชั่นในสมัยที่ตนเองได้กระทำเมื่อครั้งที่เคยมีอำนาจปกครองบ้านเมือง
การกระทำของอดีตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือได้ว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอันตรายและขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

4. เราขอให้เหล่าทหาร เหล่าตำรวจ และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ปฏิญาณตนว่าจงรักภักดี และรักชาติยิ่งชีพ จงออกมาแสดงท่าทีให้ชัดเจน ว่าพวกท่านจะเอาอย่างไรกันแน่ หยุดพูดแต่คำหรูหรา หยุดว่ากล่าวเฉไฉ แต่ลงมือทำตามอำนาจที่ตนมีทันที

ข้อเรียกร้องดังกล่าวเราชาวจังหวัดนครราชสีมาหวังได้รับความร่วมมือด้วยดีจากผู้มีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมืองเพื่อไม่ให้สังคมแตกความสามัคคี เกิดสังคมที่สงบสุขสืบไป ผู้สื่อข่าวโคราชฟอรั่มออนไลน์รายงานว่า หลังจากนั้นแกนนำภาคีฯ จึงยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว
โดยมีพันเอกทวีศักดิ์ บุญรักชาติ กองกิจการการพลเรือนกองทัพภาคที่2 เป็นตัวแทนรับมอบ
หลังจากได้แยกย้ายและนัดหมายให้ช่วงเย็นมารวมตัวกันบริเวณลานอนุสรณ์คุณหญิงบุญเหลือถนนชุมพลมีการตั้งเวทีเสวนากลางแจ้งเรื่องใครมุ่งหน้าล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยผู้ร่วมเสวนา มีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี, ผศ.ดร.สามารถ จับโจร, นายออน กาจกระโทก แกนนำภาคีครูโคราช, นพ.พินิจจัย นาคพันธ์ แกนนำกลุ่มแพทย์โรงพยาบาลมหาราช และยังมีการแสดงดนตรีของจุ๋มด่านเกวียน และหรั่งร็อคเคสตร้า อีกด้วย
ความคิดเห็น ( จำนวนโพส):
โพสแสดงความเห็นของคุณ