KORATFORUM.NET: จี้รัฐจัดการนักโทษชายทักษิณหวั่นเกิดสงครามกลางเมือง ================================================================================ c-nin / ข่าว on 08 เมษายน 2552  08:57 น.   ปรากฏการณ์คนเสื้อแดง บุกยึดหน้าทำเนียบรัฐบาล และตั้งเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2552 พร้อมเกิดการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรี พตท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปราศรัยโฟนอินพร้อมทั้งผ่านวิดีโอลิงค์มายังเวทีของผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกวัน ประเด็นสำคัญคือ การกล่าวพาดพิงประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ สถาบันทางการทหาร ยุยงให้กลุ่มเสื้อแดงที่อยู่ในส่วนภูมิภาคให้ไปทำการปิดล้อมศาลากลางจังหวัดหลายจังหวัด โดยหวังเพียงผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง จึงเป็นเหตุให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรภาคประชาชน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวโคราชฟอรั่มออนไลน์รายงานว่า กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรโคราช, ชมรมชาวโคราชรักป๋าเปรม, นำโดย ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี แกนนำกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตยและเลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน พร้อมด้วยนายสาธร สินปุร สหภาพสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยสาขานครราชสีมา และ ผศ.ดร.สามารถ จับโจร ประธานโปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฎ(มรภ.)นครราชสีมา นัดหมายมวลชนแนวร่วมรวมตัวกันที่สถานีวิทยุชุมชนเสียงกรรมกรความถี่ 92.00 MHz ที่ทำการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทยสาขา จ.นครราชสีมา เพื่อเดินทางไปให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณณสูลานนท์ ที่บ้านไร้กังวล เลขที่ 1885 ถนนสืบศิริ ตรงข้ามกองบัญชาการช่วยรบที่ 2(บชร.2) กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี แต่เมื่อริ้วขบวนเดินทางมาถึงสามแยกสำนักงานชลประทานที่ 8 ถนนสืบสิริ พ.ต.อ.พนันชัย ชื่นใจธรรม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 นาย ตั้งแผงเหล็กกั้นบริเวณสามแยกสำนักงานชลประทานฯ ไม่ให้ผู้ชุมนุมผ่าน กลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 100 คน จึงยืนส่งเสียงให้กำลังใจ พร้อมชูป้ายข้อความต่างๆ อาทิ “ชาวโคราชรักป๋าเปรม, ลูกป๋าที่มีชีวิตอยู่ ออกมาสู้เพื่อป๋าได้แล้ว” จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมไปรวมตัวกันที่บริเวณหน้าวัดบูรพ์ ถนนมหาดไทย ต.ในเมือง โดย ทพ.ศุภผลฯ แกนนำภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย ได้ประกาศเชิญชวนให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา ออกมาปกป้องสถาบันสูงสุด สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ และปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยร่วมกันเดินเท้าไปตามถนนจอมพลเลี้ยวซ้ายเข้าถนนประจักษ์ถนนสรรพสิทธิ์มุ่งหน้าไปยังสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อไปยื่นจดหมายเปิดผนึกทวงถามการทำหน้าที่ของตำรวจ ต่อ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(ผบช.ภ.3) เมื่อมาถึงสำนักงานตำรวจภูธรภาค3แกนนำฯได้อ่านแถลงการณ์สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยฉบับที่ 2/2552เรื่องให้รับผิดชอบในการรักษารัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยมีข้อความระบุว่า ด้วยปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือแกนนำและผู้บงการ นปช. ตัวจริง ซึ่งแกนนำได้ประกาศต่อสาธารณะว่าจะทำศึกแตกหักกับรัฐบาล จะล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย ซึ่งหมายถึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประกาศล้างประเทศ ซึ่งหมายถึงการล้มล้างทุกสถาบันอันเป็นหลักปกครองบ้านเมืองของราชอาณาจักรไทย ทั้งได้ทำการปลุกระดมยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมายหลายประการ เช่น ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ทำร้ายประชาชน ปิดกั้นการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรี และบุกรุกปิดล้อมศาลากลางจังหวัดบางจังหวัด รวมทั้งการข่มขู่คุกคามข้าราชการและประชาชน อันเป็นปฏิบัติการที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญและไม่ใช่การชุมนุมในระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป ประจักษ์ชัดถึงการดำเนินการเพื่อล้มล้างการปกครองแผ่นดิน การเช่นนี้ ได้แสดงให้ประชาชน ทั่วประเทศเห็นแล้วว่า การกระทำของทักษิณกับพวก เป็นภัยร้ายแรงต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัติย์ เป็นประมุข หาใช่เป็นเพียงการต่อสู้ทางการเมืองที่ต้องอาศัยการเมืองแก้ไขเท่านั้น แต่ปรากฏว่าทั้งรัฐบาล กองทัพ และตำรวจ ได้เพิกเฉยละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ และดูแลความปลอดภัยในร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยได้พิจารณาสถานการณ์แล้วเห็นว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงถึงขั้นสงครามกลางเมือง ดังที่แกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศไว้ อันเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงของประเทศชาติและส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติ ดังนั้นสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยจึงมีมติเรียกร้องให้รัฐบาล กองทัพ และตำรวจ รับผิดชอบและปฏิบัติหน้าที่ตามที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนประเทศชาติ กวาดล้างอริราชศัตรูตามกฎหมาย และหยุดยั้งการกระทำผิดกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก อย่างเด็ดขาดในทันที มิเช่นนั้นแล้ว การกระทำของทักษิณและพวก จักนำไปสู่การล้มล้างระบอบการปกครองในเวลานี้ จนถึงขั้นล้มล้างสถาบันหลักสำคัญอีกหลายสถาบันในประเทศ ซึ่งไม่แตกต่างไปจาก แดงคอมมิวนิสต์ ที่ประกาศล้างระบอบการปกครองในอดีต ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้มล้างระบอบยุติธรรมและศาล อันตรงกับคำประกาศของ แกนนำ นปช. บนเวทีว่า “ จะล้างประเทศใหม่” อนึ่ง หากรัฐบาล กองทัพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังเพิกเฉยต่อภัยความมั่นคง ที่ถึงขั้นล้มล้างระบอบการปกครองเช่นนี้ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จำต้องร้องต่อศาลปกครอง และ แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตามมาตรา 157 ของ ป.กฎหมายอาญา ที่ละเว้นการปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อไป สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยเรียกร้องให้บรรดาสมาชิกทั่วประเทศและทั่วโลกในฝั่งโพ้นทะเล โปรดสามัคคีกัน ร่วมกับพลังมวลมหาประชาชน ที่รักชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้พี่น้องประชาชน จงเตรียมความพร้อมในระดับสูง ในการป้องกันตนเองและในการเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับพลังรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกเมื่อ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป. แกนนำภาคีฯยื่นหนังสือโดยมี พ.ต.อ.ชลาสินธิ์ ชลาลัย รองผู้กำกับ ปป.สภ.อ.เมืองนครราชสีมา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือดังกล่าว หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางไปตามเส้นทางถนนสรรพสิทธิ์ถนนกำแหงสงคราม มุ่งหน้าไปตามเส้นทางถนนราชดำเนินเพื่อไปยังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ด้านหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แกนนำได้อ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือทวงถามการทำหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายชูศักดิ์ ชุนเกาะ ป้องกันจังหวัดนครราชสีมา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือบริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางตามถนนราชดำเนิน มุ่งหน้าไปค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เพื่อยื่นหนังสือทวงถามการทำหน้าที่ของแม่ทัพภาคที่ 2 แกนนำภาคีฯ ทพ.ศุภผล อ่านจดหมายเปิดผนึกเรื่องการจาบจ้วงสถาบันองคมนตรีและสถาบันของประเทศ โดยมีข้อความระบุว่าจากปรากฏการณ์คนเสื้อแดง บุกยึดหน้าทำเนียบรัฐบาล และตั้งเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2552 พร้อมเกิดการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรี พตท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปราศรัยโฟนอินพร้อมทั้งผ่านวิดีโอลิงค์มายังเวทีของผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกวัน ประเด็นสำคัญคือ การกล่าวพาดพิงประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ สถาบันทางการทหาร ยุยงให้กลุ่มเสื้อแดงที่อยู่ในส่วนภูมิภาคให้ไปทำการปิดล้อมศาลากลางจังหวัดหลายจังหวัด โดยหวังเพียงผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง ก่อปัญหาให้คนไทยแยกเป็นฝักฝ่าย ยุยงให้คนไทยด้วยกันเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง อันอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้โดยง่าย โดยอดีตนายกทักษิณหวังที่จะกลับมามีอำนาจเพื่อให้ตนเองพ้นผิดจากคดีอาญา และพ้นผิดจากคดีทุจริตคอรัปชั่นในสมัยที่ตนเองได้กระทำเมื่อครั้งที่เคยมีอำนาจปกครองบ้านเมือง การกระทำของอดีตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือได้ว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอันตรายและขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ชาวจังหวัดนครราชสีมาจึงใคร่ขอซักถาม และ เรียกร้องมายังรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม ดังต่อไปนี้ 1.รัฐบาลต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด “เสียที“ ด้วยการนำเอาตัวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มาลงโทษตามความผิดคดีทางอาญาตามที่ศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว โดยให้จับตัวส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาติดคุกภายในประเทศไทยด่วนที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ที่สามารถกระทำได้ 2.ให้ตัดสัญญาณโฟนอิน และวิดีโอลิงค์ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร พร้อมทั้งจับกุมผู้กระทำการเชื่อมสัญญาณดังกล่าวทันที เพราะเป็นการกระทำที่มิได้เป็นไปตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่กำลังยุยงปลุกปั่นให้ราษฎรเคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถือว่า การกระทำเช่นนี้อาจเข้าข่ายขบถในราชอาณาจักร อีกทั้งเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยและใช้เป็นเวทีกล่าวร้ายป้ายสีบุคคลต่างๆที่ให้ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าว 3.ให้จับแกนนำคนเสื้อแดงทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมาดำเนินคดีทันที ตามข้อหาขบถในราชอาณาจักร ซึ่งกำลังล้ม ล้างการปกครอง ดังได้กล่าวมาข้างต้น เพื่อเป็นการป้องปรามและไม่ให้เกิดการกระทำความผิดและเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติอย่างจริงจัง 4. เราขอให้เหล่าทหาร เหล่าตำรวจ และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ปฏิญาณตนว่าจงรักภักดี และรักชาติยิ่งชีพ จงออกมาแสดงท่าทีให้ชัดเจน ว่าพวกท่านจะเอาอย่างไรกันแน่ หยุดพูดแต่คำหรูหรา หยุดว่ากล่าวเฉไฉ แต่ลงมือทำตามอำนาจที่ตนมีทันที หรือจะปล่อยให้ประชาชน ที่ไร้กลไกอำนาจรัฐเฉกเช่นพวกท่าน ทั้งมีแต่สองมือเปล่า ออกมาปกป้องพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำการพิทักษ์รักษาแผ่นดิน ด้วยมือของประชาชน ส่วนพวกท่านจะได้แต่เอาใจช่วยอยู่ในที่ร่ม ยอมก้มหัวให้อำนาจอธรรม ที่กำลังย่ำยีสถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ หรือทุกสถาบันที่ต่อต้านพวกอธรรมเหล่านั้น ข้อเรียกร้องดังกล่าวเราชาวจังหวัดนครราชสีมาหวังได้รับความร่วมมือด้วยดีจากผู้มีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมืองเพื่อไม่ให้สังคมแตกความสามัคคี เกิดสังคมที่สงบสุขสืบไป ผู้สื่อข่าวโคราชฟอรั่มออนไลน์รายงานว่า หลังจากนั้นแกนนำภาคีฯ จึงยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว โดยมีพันเอกทวีศักดิ์ บุญรักชาติ กองกิจการการพลเรือนกองทัพภาคที่2 เป็นตัวแทนรับมอบ หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้มุ่งหน้าไปยังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถนนราชดำเนินเพื่อทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม)มีการอ่านแถลงการณ์เรื่องการจาบจ้วงสถาบันองคมนตรี และสถาบันหลักของประเทศ โดยแกนนำภาคีฯได้ประกาศเชิญชวนให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา ออกมาปกป้องสถาบันสูงสุด สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ และปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลังจากได้แยกย้ายและนัดหมายให้ช่วงเย็นมารวมตัวกันบริเวณลานอนุสรณ์คุณหญิงบุญเหลือถนนชุมพลมีการตั้งเวทีเสวนากลางแจ้งเรื่องใครมุ่งหน้าล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยผู้ร่วมเสวนา มีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี, ผศ.ดร.สามารถ จับโจร, นายออน กาจกระโทก แกนนำภาคีครูโคราช, นพ.พินิจจัย นาคพันธ์ แกนนำกลุ่มแพทย์โรงพยาบาลมหาราช และยังมีการแสดงดนตรีของจุ๋มด่านเกวียน และหรั่งร็อคเคสตร้า อีกด้วย